วันอังคารที่ 3 สิงหาคม พ.ศ. 2553

วิธีการเลี้ยงปลาหางนกยูง

เอาล่ะ !! แนะนำตัวกันไปแล้ว ทีนี้ก็มาเริ่มต้นเรื่องกันเลย
ปลาหางนกยูงมีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Poecilia reticulata Peters  มีชื่อสามัญว่า Guppy เป็นปลาออกลูกเป็นตัว  และมีถิ่นกำเนิดทางทวีปอเมริกาใต้แถบเวเนซูเอลล่า  หมู่เกาะคาริเบียนของประเทศบาร์บาโดสและในแถบลุ่มน้ำอเมซอน ในธรรมชาติอาศัยอยู่ในแหล่งน้ำจืด     และน้ำกร่อยที่เป็นแหล่งน้ำนิ่งจนถึงน้ำไหลเรื่อยๆ

โดยปกติ  ปลาตัวผู้มีขนาด 3 -5 เซนติเมตร ตัวเมียมีขนาด 5 -7 เซนติเมตร ปลาหางนกยูงที่นิยมเลี้ยงเป็นปลาสวยงาม(Fancy guppies)   ซึ่งเป็นปลาที่ได้รับการคัดพันธุ์และปรับปรุงพันธุ์มาจากพันธุ์พื้นเมือง ( Wild guppies) ที่พบแพร่กระจายอยู่ในธรรมชาติ ลักษณะเด่นที่ใช้ในการปรับปรุงพันธุ์เพื่อให้ได้สายพันธุ์ใหม่ๆ คือ ลักษณะสีและลวดลายบนลำตัวและลวดลายบนครีบหางและรูปแบบของครีบหาง ซึ่งในการเรียกสายพันธุ์ต่างๆ จะถูกตั้งชื่อตามลักษณะ ดังกล่าว   

ปลาหางนกยูงที่ปัจจุบันนิยมเลี้ยงกันมาก มีอยู่ 5 สายพันธ์ ได้แก่  cobra. ,tuxedo ,  mosaic , grass , sword tail   พันธ์เหล่านี้ได้มีการปรับปรุงพันธุ์ให้มีลักษณะสวยงาม  หางสีสวย   ครีบหางใหญ่เวลาว่ายจะแพนหาง และที่สำคัญมีลวดลายสีสวยตรงตามสายพันธุ์ 

                          ลักษณะที่ดีของปลาหางนกยูง ( ไว้ใช้กับการเลือกซื้อ และการคัดพันธุ์ )
ลักษณะลำตัว -> มีขนาดใหญ่ หนาสมส่วน ไม่คดงอ
ลักษณะครีบ -> ครีบหางใหญ่ พริ้วหนา แข็งแรงสมบูรณ์ไม่ฉีกขาด ขณะว่ายน้ำพริ้วไม่พับ
สีและลวดลาย -> ถูกต้องตามสายพันธุ์ คมเข้มชัดเจน
ความสมบูรณ์ของลำตัว -> ทรงตัวปกติ ไม่อ้วนผอมจนเกินไป
 
ปลาหางนกยูงชอบอยู่รวมกันเป็นฝูง  กินได้ทั้งพืชและสัตว์ เช่น ลูกน้ำ ไรแดง (Moina) ไรสีน้ำตาล (Artemaia) หรือหนอนแดง(Chironomus) หรืออาจจะเลี้ยงด้วยอาหารสำเร็จรูป เมื่อลูกปลาพอที่จะแยกเพศได้ (อายุประมาณ1- 1 1/2 เดือน ) ควรเลี้ยงแยกเพศไว้เพื่อป้องกันไม่ให้ปลาผสมพันธุ์กันเอง เมื่อปลามีอายุครับ 3 เดือนก็สามารถผสมพันธุ์ได้ 

                                                                การเพาะพันธุ์ปลาหางนกยูง

ในการเพาะพันธุ์ปลาหางนกยูง นอกเหนือจากวิธีการเพาะพันธุ์แล้ว วิธีการเลี้ยงพ่อแม่พันธุ์การคัดเลือกพ่อแม่พันธุ์และการอนุบาลลูกปลานับว่าเป็นปัจจัยที่ล้วนแต่มีความสำคัญไม่ยิ่งหย่อนกว่ากัน ซึ่งได้กล่าวถึงปัจจัยต่างๆ ดังกล่าวต่อไปนี้ คือ การเลี้ยงพ่อแม่พันธุ์ปลาหางนกยูง เนื่องจากปลาหางนกยูงจะเจริญถึงวัยเจริญพันธุ์ เมื่อปลามีอายุเพียง 3 เดือนเท่านั้น เมื่อลูกปลาพอที่จะแยกเพศได้ (อายุประมาณ1- 1 1/2 เดือน ) ควรเลี้ยงแยกเพศไว้เพื่อป้องกันไม่ให้ปลาผสมพันธุ์กันเอง


น้ำที่ใช้เลี้ยง ควรเป็นน้ำสะอาดปราศจากคลอรีน มีความเป็นกรด – ด่าง (pH ) เป็นกลาง
อุณหภูมิน้ำ 25 –29 ? C ควรมีน้ำไหลหมุนเวียนตลอดเวลา  ( เวลาเปลี่ยนน้ำควรตั้งทิ้งไว้ก่อนเป็นเวลา  1 วันหรือมากกว่านั้น  เพื่อให้ออกซิเจนที่อยู่ในอากาศละลายในน้ำ   ถ้าไม่ทำปลาอาจ shock แล้วตายได้ )

การให้อาหารให้วันละ 2 ครั้ง ในตอนเช้าและตอนเย็น ส่วนการถ่ายเทน้ำควรจะทำทุกวัน โดยดูดน้ำในตู้ออกวันละประมาณ 1/4  ของปริมาณน้ำในตู้ แล้วเติมน้ำให้เท่าระดับเท่าเดิม

                                                                        การคัดเลือกพ่อแม่พันธุ์

การคัดเลือกปลาเพศผู้และเพศเมียเพื่อทำการผสม ควรเลือกปลาที่มีอายุ 3 เดือนขึ้นไป มีลักษณะลำตัวมีขนาดใหญ่ หนาสมส่วน ไม่คดงอ โคนหางใหญ่ แข็งแรง  ครีบสมบูรณ์ ครีบหางใหญ่ พริ้วหนา แข็งแรงสมบูรณ์ไม่ฉีกขาด รูปร่างได้สัดส่วน แข็งแรง ว่ายน้ำปราดเปรียว มีสีและลวดลายสวยงาม เพศผู้จะมีลักษณะต่างจากเพศเมียตรงที่อวัยวะในการสืบพันธุ์เรียกว่า gonopodium ซึ่งดัดแปลงมาจากครีบก้น ปลาเพศผู้และเพศเมีย ควรมีลักษณะสีและลวดลายที่เหมือนกันหรือคล้ายกันมากที่สุด เพื่อให้ได้ลูกปลาที่ลักษณะไม่แปรปรวนมากในการผสมพันธุ์ หากจำเป็นต้องเก็บลูกปลาที่เพาะไว้เป็นพ่อแม่พันธุ์ในครั้งต่อไป ควรหาพ่อแม่ปลาจากแหล่งอื่นมาผสมบ้าง เพื่อป้องกันการผสมเลือดชิด (Inbreeding) ซึ่งเป็นสาเหตุให้ลูกปลารุ่นต่อๆ ไป มีความอ่อนแอ  สีไม่สวยและมีอัตราการรอดต่ำ


                                            รูปแสดงอวัยวะสืบพันธ์ของปลาหางนกยูงตัวเมีย

                                                                      การเลือกซื้อปลา

เมื่อได้ปลามาแล้ว ควรจะมีการปรับอุณหภูมิน้ำเก่ากับน้ำใหม่ให้ใกล้เคียงกัน ก่อนปล่อยปลาลงตู้ ป้องกันปลาช็อคน้ำ โดยลอยถุงปลาที่เพิ่งซื้อมาไว้ในตู้ที่เตรียมน้ำไว้แล้วสัก 15-30 นาที    พร้อมทั้งปรับสภาพน้ำ โดยใส่เกลือทะเลเม็ดใหญ่ๆ ลงไปด้วย (ตู้ขนาด 16 นิ้ว น้ำ 20 ลิตร ใส่เกลือ 1 ช้อนโต๊ะพูนๆ) เนื่องจากปลาหางนกยูงชอบน้ำกร่อย และความหนาแน่นของน้ำที่มีเกลือผสมอยู่ จะช่วยระงับการเจริญเติบโตของเชื้อโรคบางชนิดได้    ควรแยกเลี้ยงปลาที่เพิ่งได้มาใหม่ อย่าเพิ่งปล่อยรวมกับปลาเก่าที่เลี้ยงอยู่ เพราะปลาที่คุณได้มาใหม่ อาจนำเชื้อโรคมาติดปลาเก่าที่คุณเลี้ยงอยู่ก่อนก็เป็นได้ครับ



ขอขอบคุณข้อมูลจาก
http://www.fisheries.go.th
http://www.bloggang.com


9 ความคิดเห็น:

  1. ไม่ระบุชื่อ19 สิงหาคม 2553 เวลา 04:12

    ดีจังเลยนะครับ มีการขีดตัวแดงๆด้วย

    ตอบลบ
  2. มีแต่ไปกอปเค้ามา ไม่เขียนเองเลย-*- ของเราเขียนเองหมดเลย555

    ตอบลบ
  3. ไม่ระบุชื่อ19 สิงหาคม 2553 เวลา 06:41

    ดีๆ มาก ๆ

    เนื้อหาเยอะๆ ดี คริๆ
    แระก้มีเน้นหัวข้อสาระสำคัญให้ด้วย

    ตอบลบ
  4. ไม่ระบุชื่อ19 สิงหาคม 2553 เวลา 06:43

    งานใช้ได้เลยนะนาย

    ตอบลบ
  5. มีเขียนเองด้วย กรมั่วๆๆๆ

    ตอบลบ
  6. ไม่ระบุชื่อ19 สิงหาคม 2553 เวลา 06:50

    มาเม้นแล้วว เนื้อหาดีมากๆ

    ตอบลบ
  7. ไม่ระบุชื่อ21 สิงหาคม 2553 เวลา 04:26

    เนื้อหาดีมากๆๆๆ

    ตอบลบ
  8. ไม่ระบุชื่อ21 สิงหาคม 2553 เวลา 04:27

    สุดยอด!!!

    ตอบลบ
  9. ไม่ระบุชื่อ23 สิงหาคม 2553 เวลา 07:08

    ดีๆ ชักอยากเลี้ยงบ้าง

    ตอบลบ